ผมได้พูดถึงคุณสมบัติของ Fujifilm X-H1 ไปแล้ว ซึ่งจุดเด่นๆ ของ Fujifilm X-H1 จะอยู่ที่ระบบการโฟกัสที่รวดเร็ว ตัวบอดี้ที่มีซีล มีขนาดใหญ่จับถนัดได้มากขึ้น ฟังชั่นวิดีโอที่ครบเครื่องมากขึ้น แล้วก็แยกโหมดการทำงานออกมาตะหาก ซึ่งวันนี้เราจะมาลองใช้ Fujifilm X-H1 ด้วยกัน ว่าเวลาใช้งานภาคสนามจริงๆ แล้วเนี้ย มันจะเวิร์คขนาดไหนครับ
ปัญหาของน้ำตกคลองลานก็คือ มีคนเยอะมาก แล้วก็ละอองน้ำเยอะมาก ทำให้น้ำซัดเข้ากล้องตลอด ผมถ่ายภาพเช้าจรดเย็น กล้องจนเปียกโชกไปหมดเช็ดกันหลายรอบ
พอได้ Fujifilm X-H1 มา ผมรีบไปที่น้ำตกคลองลานซึ่งเป็นน้ำตกที่ใหญ่มากแล้วก็มีน้ำเยอะมาก สวยมาก เราไปครั้งที่ 3 ถึงจะประสบความสำเร็จในการถ่ายรูปน้ำตกคลองลาน ปัญหาของน้ำตกคลองลานก็คือ มีคนเยอะมาก แล้วก็ละอองน้ำเยอะมาก ทำให้น้ำซัดเข้ากล้องตลอด ผมถ่ายภาพเช้าจรดเย็น กล้องจนเปียกโชกไปหมดเช็ดกันหลายรอบ เวลาถ่ายก็มีใช้ฟิลเตอร์ PL ในการตัดแสงสะท้อนที่ใบไม้ และใช้ฟิลเตอร์ ND เพื่อลากน้ำ
ผมต้องจบภาพ JPG ให้ได้เพราะว่าไม่สามารถ Convert Raw file ได้ แล้วก็ไฟล์ JPG จะถูกส่งเป็นภาพตัวอย่างที่ญี่ปุ่น ดังนั้นเนี่ยต้องคอนโทรลทุกอย่างให้จบลงในตัวกล้องให้ได้ ใช้โหมด Velvia แล้วก็ดึงสี ดึงรายละเอียดส่วน Shadow, Dynamic Range กว้างกว่าตัว X-T2 ทำให้ผมสามารถคุ้มภาพได้ง่าย โดยเฉพาะเวลาคุ้ม Highlight โดยใช้ Dynamic Range 400% เวลาถ่ายรูปที่ระยะฉากหน้าใกล้มากๆ ความเป็น APS-C Size ทำให้ Depth of field ค่อนข้างเยอะ ก็สามารถถ่ายภาพเดียวจบได้คุ้มชัดลึกอยู่โดยไม่ต้องทำ Stack
ดอยอินทนนท์ในช่วงของปลายฝน ตอนเช้าที่จุดชมวิวทะเลหมอกไม่ค่อยสวยมากนัก ฟ้ายังไม่ค่อยเคลียร์ ผมเลยถ่ายภาพ Time-lapse ของเมฆเคลื่อนเอาไว้
เราไปต่อที่ดอยอินทนนท์ในช่วงของปลายฝน ตอนเช้าที่จุดชมวิวทะเลหมอกไม่ค่อยสวยมากนัก ฟ้ายังไม่ค่อยเคลียร์ ผมเลยถ่ายภาพ Time-lapse ของเมฆเคลื่อนเอาไว้ X-H1 มีฟังชั่น Time-lapse อยู่ในตัว เราสามารถที่จะใช้ฟังชั่นในตัวกล้อง จัดการกับ Time-lapse ได้เลย แต่ว่าเราจะได้เป็นภาพนิ่งไม่ได้ต่อเป็น Movie นะครับ
เราไปเดินที่อ่างกาหลวงโชคดีมากเจอเห็ดเล็กๆ ซึ่งเล็กมาก ผมก็ใช้กล้อง Fujifilm X-H1 กับเลนส์ Fujinon 80mm F2.8 Macro ตัวใหม่ที่เพิ่งออกมา โดยตอนถ่ายเน้นที่เห็ดกับ Bokeh ด้านหลังเป็นแสงลอดใบไม้ออกมา ใช้ฟังชั่นขยายโฟกัสที่ 100% ร่วมกับระบบ Auto Focus ผมใช้จุดโฟกัสเล็กสุดในการโฟกัสที่เห็ดแล้วก็บางทีก็โฟกัสที่ตัวแมลง
ส่วนใหญ่ผมจะปรับไปที่แมนนวลแล้วก็กดปุ่ม AF-L ให้กล้อง Auto Focus แล้วก็ขยายภาพ 100% ดูความชัด
Fujifilm X-H1 โฟกัสได้แม่นขึ้นกว่า Fujifilm X-T2 เฉียบขาดขึ้น เวลาขยายภาพ 100% ก็ยังสามารถ Auto Focus ได้ ส่วนใหญ่ผมจะปรับไปที่แมนนวลแล้วก็กดปุ่ม AF-L ให้กล้อง Auto Focus แล้วก็ขยายภาพ 100% ดูความชัด จอที่พับได้ช่วยให้ทำงานสะดวกมากขึ้นเพราะว่าเราตั้งกล้องแทบจะติดพื้นเลย ผมต้องการเก็บด้านล่างของเห็ด ด้านบนจะเป็นภาพที่ชินตาอยู่แล้ว ด้านล่างจะสวยกว่า ในบ้างช่วงมันมีแสงอาทิตย์สาดมา เห็ดก็สว่างปิ๊งออกมาเหมือนเห็ดเรืองแสงเลย
โปรเจ็คของ X-H1 ครั้งนี้ของผมคือการถ่ายภาพ Landscape ของเมืองไทย ผมไปที่น้ำหนาวเพื่อจะถ่ายทะเลหมอกตรงหุบด้านหน้ากับพระอาทิตย์ขึ้น แต่ว่าโชคไม่เข้าข้างยังไม่ได้ทะเลหมอก แต่พระอาทิตย์ขึ้นสวยเลยทีเดียว ผมใช้ฟังชั่น Shadow ในการดึงรายละเอียดส่วนมืด แล้วก็ปรับโหมดสีเป็น Velvia, ลด Highlight, บวก Color บวกเพื่อให้ภาพมีรายละเอียดสูงสุดได้สีสันสดใสที่สุด
Fujifilm X-H1 มี Noise แล้วก็ Hot pixel ที่ดีขึ้นจาก Fujifilm X-T2 เวลาเราเปิดรับแสงนานๆ ใช้ ISO สูงหรือว่าถ่ายดาว จะเห็นได้ชัดว่า ตัว Hot pixel กับ Noise ลดลง
ตอนกลางคืนลองถ่ายภาพดาวหมุนที่จุดชมวิว โดยใช้เลนส์ Fujinon 35mm F1.4 เก็บภาพดาว ผมตั้งกล้องประมาณ 2 นาที กล้อง Fujifilm X-H1 มี Noise แล้วก็ Hot pixel ที่ดีขึ้นจาก Fujifilm X-T2 เวลาเราเปิดรับแสงนานๆ ใช้ ISO สูงหรือว่าถ่ายดาว จะเห็นได้ชัดว่า ตัว Hot pixel กับ Noise ลดลง ซึ่งอันนี้น่าจะมาการระบายความร้อนที่ดีขึ้นของตัวกล้อง Fujifilm X-H1
ไปที่ทุ่งแสลงหลวงฟ้าระเบิดตอนเช้าสวยมาก แต่ไม่มีทะเลหมอกด้านหน้า ผมใช้ฟังชั่นของ Hilight, Shadow ยังเอาไม่อยู่นะครับ ต้องใช้ฟิลเตอร์ Graduated ครึ่งซีกช่วยด้วย ภาพที่ออกมานี่สีสันสดใสมากๆ
ปฏิบัติการตามหาทะเลหมอกไม่จบ เราที่บ้านจ่าโบ่เพื่อไปถ่ายทะเลหมอก คราวนี้ได้สมใจมีทะเลหมอกยามเช้า แล้วก็ได้พระอาทิตย์ขึ้นมาด้วย ผมถ่ายภาพตั้งแต่ก่อนพระอาทิตย์ขึ้น ลากชัตเตอร์ 30 วินาที ที่ ISO 200 ภาพยังเนียนกริ๊ปไม่มี Hot pixel หรือ Noise มารบกวน ส่วนดีเทลสบายมากนะครับ Dynamic Range ของกล้อง Fujifilm X-H1 สามารถเอาอยู่ได้สบาย
อย่างที่บอกไม่สามารถต่อภาพได้นะครับ ต้องลากทีเดียวเอาให้อยู่ จุดที่ดีมากก็คือ เรื่องการโฟกัสของ Fujifilm X-H1 สามารถโฟกัสได้ที่ EV ต่ำ
มาแม่ฮ่องสอนทั้งที ผมอดไม่ได้ที่จะแวะถ้ำน้ำลอด ไปรอบนี้น้ำเพิ่งลดลงไป ด้านในถ้ำน้ำท่วมหมด แต่จะสวยมากเวลาที่เราถือตะเกียงเดินจะเกิดเส้นแสง และยังได้เห็นแสงสะท้อนผนังของถ้ำตามแอ่งน้ำขังด้วยนะครับ
ผมใช้เลนส์ Fujinon 10-24 mm กับกล้อง Fujinon X-H1 แล้วเปิดรับแสงนานถึง 2 นาที ในการถ่ายภาพ 1 ภาพ อย่างที่บอกไม่สามารถต่อภาพได้นะครับ ต้องลากทีเดียวเอาให้อยู่ จุดที่ดีมากก็คือ เรื่องการโฟกัสของ Fujifilm X-H1 สามารถโฟกัสได้ที่ EV ต่ำ แล้วก็การมองเห็นภาพในช่องมองภาพมีความชัดเจนมากขึ้น เพราะงั้นเวลาเราโฟกัสในที่มืดมันจะทำงานได้ง่ายขึ้นเยอะมาก โดยไม่ต้องใช้ไฟฉายส่องเข้าไปช่วยเลย
แต่บางภาพต้องถ่ายเป็น Action ก็ต้องใช้ ISO สูงไปถึง 25600 หรือ 12800 เพื่อหยุดความเคลื่อนไหว ซึ่งที่ ISO สูงถึงขนาดนั้น แน่นอนมันมี Noise แน่ๆ แต่ว่า Noise ไม่น่าเกลียด แล้วก็ยังให้ความคมชัดที่ดีมาก
ผมกลับกรุงเทพแวะถ่ายภาพดงตาลที่ปทุมหลังโชว์รูมนิสสัน ได้แสงสะท้อนเมฆยามเช้า เสียดายนิดนึงตรงที่ว่าฟ้าระเบิดไม่สวย ฟ้าค่อยข้างจะสีทึมๆ สีสันค่อยข้างแย่ แต่ว่าก็ใช้ White Balance แบบปรับตั้งเอง แล้วก็ชิพสีเป็นม่วงแดงนิดนึง ใช้โหมด Velvia บวกสีเพิ่ม Contrast บวก Shadow บวก Highlight ขึ้นไปเพื่อให้ภาพมันดูจัดจ้านแล้วก็มี Contrast มีมิติมากขึ้น
ภาพที่ได้อย่างกับพระอาทิตย์ตกฟ้าระเบิดเลย แต่จริงๆ แล้วเทาทั้งภาพเป็นการเล่นกับฟังชั่นของตัวกล้อง Fujifilm X-H1 ล้วนๆ นะครับ
แวะไปทุ่งทานตะวันที่ลพบุรีตรงวัดเขาจีนแล ซึ่งทานตะวันบานแบบ 100% พอดี ตอนถ่ายมันเล่นยากตรงผมถ่ายใกล้ แล้วก็ลมพัดแรงมาก ดอกทานตะวันเคลื่อนห่างเป็นฟุตเลย เราไม่สามารถที่จะโฟกัสแล้วก็ถ่ายได้ เพราะว่าพอเราโฟกัสชัดปุ๊ปดอกทานตะวันก็เคลื่อนออกแหละทำให้ถ่ายออกมาไม่ชัด แล้วการถ่ายใกล้แบบนี้ Depth of field ไม่ได้เยอะอยู่แล้ว ผมเลยต้องเปลี่ยนมาเป็นโหมดโฟกัส Continuous แบบ Zone ตั้งเอาไว้ที่ดอกทานตะวัน ใช้เลนส์ Fujinon 10-24 mm F4 R OIS
กล้อง Fujifilm X-H1 โฟกัสได้ฉลาดขึ้น เร็วขึ้น ในระบบ AF-C สามารถตามติดดอกทานตะวัน ทานตะวันโยกมาหน้าโฟกัสตามมาหน้า ทานตะวันโยกไปหลังก็โฟกัสตามไปหลัง โดยอาศัยระบบ Continuous focus แล้วก็ถ่ายรูปไปเรื่อยๆ ผลปรากฎว่าภาพทานตะวันชัดเกือบทั้งหมดเลย ใครเคยบอกว่าใช้โฟกัส Single ถ่ายภาพวิวอาจจะไม่ใช้นะครับสำหรับเคสนี้
เวลาอัดขยายภาพนี้จะซะใจมาก เราดูรูปใหญ่จะเห็นรายละเอียดแบบยิบๆๆ เลยนะครับ
ผมแวะไปที่ถ้ำใหญ่น้ำหนาว ไม่ได้มาถ้ำนี้นานมาก อยากจะปีนไปที่ด้านบนเพื่อถ่ายรูป ผมตั้งกล้องอยู่ด้านบนของถ้ำ แล้ววิ่งลงไปด้านล่างเอาไฟฉายส่องมาที่กล้องหน่อย เพื่อให้เกิดเป็นจุดสนใจขึ้นมา เวลาอัดขยายภาพนี้จะซะใจมาก เราดูรูปใหญ่จะเห็นรายละเอียดแบบยิบๆๆ เลยนะครับ ผมใช้ ISO 800 จนถึง ISO 1000 ในการถ่ายรูป เพราะว่าตัวเองจะเคลื่อนต้องการให้ตัวเองมีความคมชัด ปกติจะใช้ประมาณ ISO 200 ซึ่งซัตเตอร์จะนานอยู่ประมาณ 30 วินาที ซึ่งไม่สามารถยืนนิ่งๆ ได้ จำเป็นที่จะต้องใช้ ISO สูงภาพ ภาพที่ได้ออกมายังเนียนกริ๊ป ความคมชัดดีมากด้วย
ปีที่แล้วผมอดขึ้นดอยหลวงเชียงดาว ปีนี้เลยเป็นโอกาสดีเอา Fujifilm X-H1 ขึ้นไปดอยหลวงเชียงดาวด้วย ก็จัดเต็มไปทั้งตัวกล้องและก็เลนส์ ใครขึ้นเชียงจะรู้ว่ามันค่อยข้างเหนื่อยแล้วก็หนัก ถ้าขนอุปกรณ์ไปเยอะมาก กล้องตัวใหญ่มากก็เหนื่อยสาหัสอยู่เหมือนกัน
วันแรกโชคดีมากไปถึงได้แสงสาดที่ยอดดอยสามพี่น้อง แต่ว่า Contrast จัดมาก ผมต้องใช้ฟังชั่น Highlight -2 ,Shadow -2 แล้วก็บวก Color โหมด Velvia ใช้ White balance มาช่วยด้วย ในการดึงรายละเอียด และยังให้ภาพสีสันจัดจ้าน อันนี้เป็นมุขประจำที่ใช้
มีบางจุดที่เราใช้ Fujinon 80 F2.8 Macro ถ่ายวิว อย่างเช่นภาพพระอาทิตย์ขึ้นทางฝั่งตรงข้ามของยอดดอยสามพี่น้อง ก็จะมีทะเลหมอกไหลเอื้อยๆ มา ตรงจุดนี้ผมให้ฉากหน้าเป็นแนวเขาสีดำ แล้วก็ด้านหลังแนวเขาที่ไกลออกไปก็จะดูฝ้าๆ เกิดมิตินิดนึง ถ้า Convert ไฟล์ Raw เมื่อไหร่ได้ภาพนี้น่าจะดีขึ้นอีกเยอะเลย
ตอนกลางคืนเราก็ถ่ายดาวกัน พอดีเป็นช่วงพระจันทร์เต็มดวง ดาวเลยไม่อลังการเท่าไหร่ แต่ว่าได้วิวกับแสงจันทร์ด้วย ถ่ายที่ ชัตเตอร์นาน 2 นาทีนะครับ แล้วก็เปิด Noise Reduction, Long exposure noise reduction เอาไว้ ได้ไฟล์เนียนกริ๊ป ภาพคมชัด ถ่ายออกมานึกว่ากลางวันถ้าไม่เห็นดาว
ในบางทีตัวเราเขยื้อนโฟกัสก็ตามจิกตลอด กล้อง Fujifilm X-H1 เวลาใช้กับ Fujinon 80 Macro แล้วถ่ายภาพ Macro นี่เวิร์คมากครับ
แวะไปถ่ายภาพกล้วยไม้รองเท้านารีที่อินทนนท์ ปกติต้องพกขาตั้งกล้องไปด้วย รอบนี้ใช้ Fujifilm X-H1 กับเลนส์ Fujinon 80 Macro ถ่ายสบายเลยครับ มีลมพัดเอื้อยๆ มา ผมใช้โฟกัสแบบ Continuous AF-C เปิดกันสั่นทั้งตัวกล้องและตัวเลนส์ กันสั่นทำงานร่วมกันได้เป็นอย่างดี สามารถถ่ายนิ่งๆ โดยไม่ต้องใช้ความเร็วชัตเตอร์สูงเพียงรอจังหวะลมเบาๆ หน่อย ใช้โหมด AF-C ช่วยให้โฟกัสตามได้ตลอดเวลา ในบางทีตัวเราเขยื้อนโฟกัสก็ตามจิกตลอด กล้อง Fujifilm X-H1 เวลาใช้กับ Fujinon 80 Macro แล้วถ่ายภาพ Macro นี่เวิร์คมากครับ
Fujifilm X-H1 เป็นกล้องที่เน้นการถ่ายวิดีโอ การถ่ายภาพเคลื่อนไหวแบบความเร็วสูง จะลองทั้งทีวันนี้ผมเลยมาถ่ายม้าที่เวโรน่าเพราะว่ามาถ่ายบ่อย แล้วก็ม้าสวย ถ่ายจนสนิทกับคนขี่ม้าแหละ ตอนถ่ายม้านานเกือบชั่วโมงแบตหมดไปหนึ่งก้อน ผมให้โหมดโฟกัสแบบ Continuous ในการถ่ายรูปม้าวิ่ง จุดเด่นของกล้อง Fujifilm X-H1 คือระบบโฟกัสถูกอัพเกรดการทำงาน Algorithm และความเร็วในการอ่านข้อมูล
ภาพที่ได้เข้าเป้ามากกว่า 70% แน่ๆ บางทีก็เป้าหมดเลย จะมีบางจังหวะที่ม้าวิ่งพลิกกลับตัว ซึ่งอาจจะมีหลุดบ้างนิดนึงแล้วก็กลับเข้ามาเข้าเป้าใหม่ เพราะงั้นอัตราการประสบความสำเร็จของ X-H1 เมื่อเทียบกับ X-T2 มากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เป็นกล้องที่ต้องบอกว่า ถ้าคุณจะถ่ายภาพเคลื่อนไหว ตัวนี้คือ First choice ที่เหนือกว่าตัว X-T2
ระบบลดการสั่นไหวเมื่อใช้กับเลนส์ Fujinon 100-400 ได้ภาพนิ่งมาก แล้วก็เวลาเราแพนกล้อง ไม่มีกระตุกแบบกึ๊งๆๆ กล้องกับเลนส์ทำงานร่วมกันได้อย่างดี ระบบของตัวกล้องมีความฉลาดเวลาเราแพนไม่ต้องมาปรับโหมดแบบแพนหรือแบบภาพปกติ กล้องสามารถจัดการเองได้เลย
คราวนี้สมใจแล้วนะครับ เพราะว่ามีกันสั่นที่กล้องเข้ามาช่วยก็จะสามารถที่จะใช้เลนส์ตัวเทพๆ ของฟูจิได้ครบทั้งหมด
กล้อง Fujifilm X-H1 จุดเด่นเลยที่ผมคิดว่าหลายคนที่ให้ความสนใจ Fujifilm X-H1 น่าจะมองประเด็นนี้ก็คือ ระบบลดการสั่นไหวของกล้อง ซึ่งเวลาที่เราถ่ายรูปโดยใช้เลนส์ที่ไม่มีระบบลดการสั่นไหว อย่างเช่นตอนนี้ผมถ่ายด้วยเลนส์ 35 F1.4 หรือว่า 56 F1.2 , 90 F2 พอใช้งานร่วมกับกล้อง Fujifilm X-H1 จะเท่ากับเลนส์มีระบบลดการสั่นไหวเลย ใครที่ใช้ฟูจิแล้วรู้สึกว่าเวลาใช้เลนส์ Telephoto อย่างตัว 90 F2 แล้วชอบความคมของเลนส์ ชอบคุณภาพของเลนส์ แต่ว่าไม่สามารถคุมให้นิ่งได้ ภาพมันสั่นทุกที คราวนี้สมใจแล้วนะครับ เพราะว่ามีกันสั่นที่กล้องเข้ามาช่วยก็จะสามารถที่จะใช้เลนส์ตัวเทพๆ ของฟูจิได้ครบทั้งหมด แล้วก็จะดึงคุณภาพของไฟล์ภาพได้เต็มที่ด้วย หลายคนที่ถ้ารอกันสั่นของฟูจิอยู่ ตัวนี้จัดเต็มมาแบบสเปคเทพให้ภาพที่ดีมากขึ้นอีกด้วย
Fujifilm X-H1 มี Dynamic Range ที่ดีขึ้นทั้งไฟล์ RAW แล้วก็ไฟล์ JPG ส่วนไฟล์ JPG จะมีฟังชั่นที่เพิ่มขึ้นมาก็คือ โหมดสี Eterna
โหมดสี Eterna ในภาพนิ่งจะช่วยทำให้ดึง Shadow ดีเทลได้ค่อยข้างเยอะกว่าโหมดสีอื่นๆ แต่ถ้าเกิดเราต้องการ Dynamic Range เพิ่มขึ้นในส่วน Highlight ก็สามารถที่จะดึง Dynamic Range เพิ่มขึ้นมาได้ อย่างตอนนี้ผมถ่ายน้องจูน แสงที่คาดอยู่บนพื้นด้านหน้าแรงมาก คนอยู่ในเงามืด เพราะงั้นผมก็จะใช้โหมดสี Eterna แล้วก็ดึง Dynamic Range มาที่ Strong ก็จะสามารถเก็บรายละเอียดส่วนข้างหน้าได้หมดเลย ถ้าใครมีโอกาสลองเล่นโหมดนี้แนะนำเลยมันเวิร์คมาก ใช้แล้วจะติดใจนะครับ
Fujifilm X-H1 มี Noise ที่เนียนขึ้นจาก Body ที่ใหญ่ขึ้น ทำให้ระบายความร้อนดีขึ้น Hot pixel ดีขึ้นด้วยนะครับ ลองดูภาพจาก Test Chart จากในสตูดิโอ ว่าเราสามารถดึง Dynamic Range ของ Fujifilm X-H1 ได้ดีขนาดไหน
หลังจากที่ได้ใช้กล้อง Fujifilm X-H1 มาระยะเวลาประมาณ 4 เดือน 4 ตัวนะครับ ถ้าถามว่า Fujifilm X-H1 จุดเด่นอยู่ที่ไหน จุดเด่นอยู่ที่การควบคุม ตัวกล้องที่ใหญ่ขึ้นทำให้จับถนัดขึ้น แล้วก็ที่สำคัญมีระบบลดการสั่นไหวในกล้องที่มีความเยี่ยมยอดมากในการใช้งานจริง ทำให้เราสามารถที่จะใช้เลนส์ฟูจิทุกตัวเป็นระบบลดการสั่นไหวได้ ใครที่รอระบบการลดสั่นไหวที่เซนเซอร์ของฟูจิ คราวนี้สมหวังแน่นอนนะครับ ตัวโหมดวิดีโอทำงานได้ดีมาก ภาพวิดีโอของฟูจิคมกริ๊ปรายละเอียดดีมาก คุณภาพสีของวิดีโอสามารถจบหลังกล้องแบบไม่ต้องเกรดดิงเลย ในส่วนของภาพนิ่งก็เนียนขึ้นกว่า X-T2 นะครับ
สิ่งที่แตกต่างกันก็น่าจะอยู่ที่โหมดสี Eterna ที่สามารถดึง Shadow ดีเทล ดึง Dynamic Range ได้ดีขึ้น สรุปสั้นๆ ก็คือ เป็นกล้องที่เหนือกว่า Fujifilm X-T2 ในทุกๆ ทั้งในด้านการควบคุม กันสั่น ความเร็วในการถ่ายรูป ความแม่นยำในการโฟกัส การทำงานที่ฉับไวมากขึ้น เป็นกล้องที่ถ้าคุณรู้สึกว่า Fujifilm X-T2 ยังขาดไปอีกหน่อยนึง ตัวนี้คือ คำตอบ….