Review Fujifilm X-H1 กับการถ่ายภาพวิดีโอ

Review Fujifilm X-H1 กับการถ่ายภาพวิดีโอ

กล้อง Fujifilm X-H1 เราได้คุยกันเรื่องการถ่ายภาพนิ่งไปแล้ว ในเรื่องของประสิทธิภาพของระบบกันสั่น ความเร็วในการโฟกัส แล้วก็เรื่องอื่นๆ คราวนี้เรามาดูประสิทธิภาพของระบบวิดีโอกันบ้างนะครับว่ากล้อง Fujifilm X-H1 ซึ่ง Fujifilm ออกแบบมาสำหรับการถ่ายวิดีโอแบบจริงจัง มันจะมีประสิทธิภาพเป็นอย่างไร แล้วก็มีฟังก์ชั่นที่สำคัญอะไรเพิ่มเติมมากันบ้างนะครับ

จุดเด่นของ Fujifilm X-H1 ในการใช้งานวิดีโอ อย่างแรกคือเรื่องของระบบลดการสั่นไหว ตัวระบบลดการสั่นไหวที่เซ็นเซอร์สามารถลดการสั่นไหวได้ถึง 5 Stop ด้วยกัน ซึ่งเวลาที่เราใช้เลนส์ไม่ว่าจะเป็นเทเลโฟโต้ที่ไม่ยาวจนเกินไป หรือเลนส์ wide angle เราสามารถที่จะถือกล้องที่มือ แล้วก็สามารถค่อยๆ เคลื่อนไปช้าๆ แล้วก็ภาพจะไม่สั่น มันลดการใช้ Gimbal ลง แล้วก็อีกอย่างนึงก็คือเวลาที่เราไปถ่ายภาพวิดีโอในที่ที่แบบเค้าอาจจะไม่ได้เต็มใจนักให้เราไปถ่าย เราก็สามารถเข้าไปในแบบกองโจรเพราะว่าตัวกล้อง Fujifilm X-H1 มันดูเป็นกล้องถ่ายรูปธรรมดา เพราะฉะนั้นเราเข้าไป เค้าก็ไม่รู้หรอกว่าเราถ่ายวิดีโอหรือถ่ายภาพนิ่ง แต่ว่าถ้าเกิดเราไปแบบมี gimbal มีเครื่องเสียงไป อันนี้ถ่ายวิดีโอแน่นอน นี่ก็เป็นข้อดีของระบบลดการสั่นไหวแล้วก็อีกไม่นาน Fujifilm จะมีเลนส์ภาพยนตร์ขึ้นมาเป็นเลนส์ MK สำหรับใช้กับ Fujifilm X-H1 โดยเฉพาะ ซึ่งตัวกล้องพอมีระบบลดการสั่นไหวและใช้งานกับเลนส์ MK ใันก็จะทำให้ถ่ายวิดีโอสมูทมากยิ่งขึ้น

ตัวเมนูของกล้อง Fujifilm X-H1 จะมีการแยกระบบวิดีโอออกมาต่างหากเลย ซึ่งเราสามารถที่จะสั่งงานทุกๆอย่าง ที่เกี่ยวกับวิดีโอไม่ว่าจะโหมดสี, การโฟกัส, Dynamic Range, Hilight, Shadow, ระบบควบคุมเสียง, White Balance อันนี้แยกต่างหากจากโหมดภาพนิ่งเลย ซึ่งมีข้อดีเวลาที่เราเซตอัพกล้อง เราไม่ต้องไปเซ็ตอัพตรงนู้นทีนึง ตรงนี้ทีนึง ทุกอย่างจะอยู่ในหมวดเดียวกัน แล้วเวลาเราใช้งาน เราสามารถที่จะกดปุ่ม Q แบบเดียวกับภาพนิ่ง มันก็จะมีเมนูต่างๆมาให้เราได้ปรับตั้ง เป็นเมนูที่เราใช้ประจำซึ่งตรงนี้เนี่ย เราสามารถที่จะไป setting ว่าจะให้อะไรอยู่ที่ปุ่ม Q บ้าง อันนี้ก็จะเป็นประโยชน์เวลาควบคุมที่เราถ่ายภาพวิดีโอ

เราสามารถที่จะควบคุมกล้อง Fujifilm X-H1 ผ่านระบบทัชสกรีนได้ โดยที่เราสามารถเลือกจุดโฟกัสผ่านทัชสกรีน แล้วก็สามารถที่จะลาก อย่างเช่นเวลาเรา follow เวลาวัตถุวิ่งจากซ้ายไปขวา เราก็สามารถแตะทัชสกรีน แล้วก็ลากจากซ้ายไปขวาได้เลย อันนี้เป็นสิ่งที่พัฒนาขึ้นอย่างมากสำหรับตัวกล้อง Fujifilm X-H1 แล้วก็ในโหมดการทำงานจะมีโหมดที่เรียกว่า Movie Silent Control คือทุกอย่างเราจะควบคุมผ่านทัชสกรีน ไม่ว่าจะเป็นความเร็วชัตเตอร์ ช่องรับแสง ISO  โหมดสีอะไรต่างๆ เพราะว่าเวลาที่เราถ่ายวิดีโออยู่ เราสามารถปรับค่าได้ แต่ถ้าเราปรับผ่าน dial จะมีเสียงเข้าไมค์ ถ้าเกิดไมค์อยู่ที่กล้อง เราก็เลยจะควบคุมผ่านทัชสกรีน ซึ่งมันก็จะช่วยให้ทำงานได้ง่ายแล้วก็เวลาที่เราอยู่บน gimbal การทำงานบนทัชสกรีน มันก็จะเกิดการสั่นสะเทือนน้อยกว่าด้วย

สิ่งที่พิเศษขึ้นมามากสำหรับกล้อง Fujifilm X-H1 ก็คือเรื่องของโหมดสีและการควบคุม dynamic range ตัวกล้องมีระบบ F-Log ซึ่งแต่เดิมตัว Fujifilm X-T2 เราต้องอัดลงตัว recorder แต่ว่า Fujifilm X-H1 มี F-Log ที่เราสามารถอัดลงการ์ดได้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นในระบบ 4K หรือ Full HD เราก็สามารถอัด F-Log ลงการ์ดได้ ซึ่ง F-Log จะมี dynamic range ที่ค่อนข้างกว้างประมาณ 12 Stop ทีเดียว

นอกจาก F-Log แล้วยังมีโหมดสี Eterna เพิ่มขึ้นมา Eterna เป็นโหมดสีของ Film Negative สำหรับถ่ายภาพยนตร์ของ Fujifilm ซึ่งเป็นฟิล์มสีที่ใช้งานกันเยอะมากในสมัยที่ฟิล์มรุ่งเรืองในการถ่ายภาพยนตร์ โหมดสี Eterna จะให้สีที่อมน้ำตาลนิดๆ แล้วก็ถ่ายคนสวยมาก ถ่าย portrait, ถ่าย documentary, ถ่ายสารคดี ในโหมด Eterna จะมี dynamic range ที่ค่อนข้างกว้าง คือตัว shadow detail จะเพิ่มขึ้นมาประมาณ 2 Stop ได้จากเท่าที่ดู แล้วก็ยังสามารถที่จะตั้งตัว dynamic range ไปที่ 400% แล้วก็ตั้ง ISO ไปที่ 800 ซึ่งเมื่อไหร่ที่เราตั้งโหมดสี Eterna dynamic range  อยู่ที่ 400% ISO 800 เราจะได้ dynamic range ที่กว้างถึง 12 Stop โหมดสี Eterna เป็นโหมดสีที่ทางกล้องกล้วยกล้วยใช้งานเยอะมากในระหว่างที่เราทดสอบ แล้วก็ใช้งาน Fujifilm X-H1 มาประมาณ 4 เดือน ซึ่งทำให้เราทำงานได้ง่าย shadow detail ขึ้นดี เราเกรดสีอีกนิดนึงเท่านั้นเองเพื่อให้ contrast มันได้ เป็นโหมดที่น่าจะเป็นที่ชื่นชอบสำหรับคนที่ใช้กล้อง Fujifilm X-H1 ในการถ่ายวิดีโอเลยทีเดียว

ระดับความละเอียดของกล้อง Fujifilm X-H1 สามารถถ่ายวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุดได้ถึง 4K แล้วก็อัตราส่วนตั้งเป็น 17:9 ก็ได้ หรือ 16:9 ก็ได้ โดยที่ 17:9 จะเป็นฟอร์แมตสำหรับที่ฉายในโรงภาพยนตร์ ส่วน 16:9 จะเป็นฟอร์แมตที่ใช้ในคอมพิวเตอร์ที่เป็น wide screen คราวนี้ตัวความละเอียด 4K มี Full HD แล้วก็จะมีต่ำกว่านั้น เราสามารถเลือกเฟรมเรตได้ อย่าง 4K สามารถเลือกเฟรมเรตสูงสุดได้ที่ 30เฟรมต่อวินาที ส่วน Full HD ได้ถึง 120 เฟรมต่อวินาที จะเป็น Slow Motion

ส่วนที่ดีไปกว่านั้นก็คือในเรื่องของระดับการ compressed หรือคุณภาพระดับ Bitrate กล้อง Fujifilm X-H1 สามารถตั้งคุณภาพ bitrate ได้ที่ 200 Mbps ซึ่งคุณภาพของงานที่ได้ จะมีความคมชัดและรายละเอียดสูงมาก การอ่านสัญญาณของเซ็นเซอร์ ถ้าเป็น 4K มันจะมีการ crop ภาพลงมานิดนึงประมาณ 1.17 เท่า ข้อดีคือมันจะอ่านสัญญาณในทุกๆแถวของพิกเซลเลย นั่นก็คือไม่มีการเว้น เพราะฉะนั้นเราจะได้คุณภาพสูงสุดของไฟล์วิดีโอเมื่อเราใช้ 4K ของกล้อง Fujifilm X-H1 ส่วนถ้าเป็น Full HD มันจะมีการ skip คือมันจะอ่านเป็นแถวเว้นแถว เพราะว่าความละเอียดมันลดลง มันก็จะอ่านแถวเว้นแถว ตรงนี้ก็จะทำให้คุณภาพของไฟล์วิดีโอของ Fujifilm X-H1 อยู่ในระดับที่ดีที่สุดของ Fujifilm ในตอนนี้ และถ้าเทียบกับกล้องระดับเดียวกันในตลาด รับรองไม่แพ้ใครแน่นอน ถ้าจะมีก็คือกล้องแบบกล้องที่ใช้ถ่ายงานวิดีโอล้วนๆ ซึ่งก็จะเป็นอีกระดับนึงไปแล้ว

กล้อง Fujifilm X-H1 จะมีตัวล็อคสายมาให้ ซึ่งเราสามารถที่จะเสียบสายต่างๆเข้าไปที่พอร์ททางด้านข้าง แล้วก็ล็อคตัวนี้จะทำให้พอร์ทมีความทนทานมากขึ้น

เราสามารถที่จะบันทึกวิดีโอผ่าน HDMI ได้ โดยจะออกมาเป็นฟอร์แมต 4K/30P 4:2:2 8bit ส่วนถ้าเราบันทึกลงการ์ดจะเป็น 4K/30P 4:2:0 8bit 200Mbps ซึ่งเวลาที่เราใช้ตัว external recorder มันจะทำให้คุณภาพของวิดีโอที่ได้มีคุณภาพที่ดีกว่า เวลาที่เราไปใช้ต้นฉบับในการ grading เมื่อเทียบกับ record ลงการ์ด ในการทำงานของกล้องกล้วยกล้วย ส่วนใหญ่เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์เรา record ลงการ์ดที่ 200Mbps ซึ่งเราก็จะเห็นงานของกล้องกล้วยกล้วยที่ออกมา ซึ่งอันนั้นคือมาจากในสี่เดือนที่ผ่านมา ซึ่งมาจาก X-H1 ล้วนๆเลย

จุดนึงที่อยากได้กันมากก็คือเรื่องของ Slow Motion ตัวกล้อง Fujifilm X-H1 มีโหมด Slow Motion มาให้ ก็จะเป็นความละเอียด Full HD ที่ 120ภาพต่อวินาที เพราะฉะนั้นเวลาเรา play มันจะเป็น Slow Motion 5 เท่า แต่ว่าคุณภาพของตัวไฟล์วิดีโอความละเอียดจะเป็น Full HD แล้วก็การอ่านสัญญาณในแนวตั้งจะเป็นแถวเว้นแถว ส่วนการอ่านสัญญาณในแนวนอนจะเป็นแถวเว้นสองแถว เนื่องจากต้องอ่านที่ความเร็วสูงมาก

ระบบเสียงของกล้อง Fujifilm X-H1 ก็จะมีการอัพคุณภาพไปค่อนข้างเยอะ ทั้งตัวคุณภาพของไมค์เอง แ้ลวก็ระบบการอัดเสียงข้างใน โดยที่ระบบเสียงจะเปลี่ยนจากธรรมดาเป็น High resolution เรียบร้อย เราสามารถที่จะต่อไมค์ภายนอกแล้วก็ควบคุมระดับเสียงภานอกได้ โดยการตั้งค่า setting ที่ตัวกล้อง แล้วก็ควบคุมระบบเสียงที่ไมโครโฟนที่ตัวล้องผ่านการ setting ที่ตัวกล้องได้เหมือนกัน ซึ่งเสียงที่ออกมามีความคมชัด มีรายละเอียดที่ดีขึ้นเยอะ ผมได้ลองทดสอบระบบเสียงของกล้อง Fujifilm X-H1 โดยการอัดเสียงผ่านตัวไมค์ที่ตัวกล้อง เทียบกับการใช้ไมโครโฟนของ Zoom H6 แล้วอัดลงตัวกล้อง แล้วก็การใช้เสียงจากไมโครโฟน Zoom H6 แล้วก็อัดลง Zoom H6 แล้วก็มาซิ้งค์เข้ากับภาพ มาดูกันว่ามีความแตกต่างกันขนาดไหน…

ในระบบเสียง เราสามารถที่จะตัดเสียงรบกวนได้ ไม่ว่าจะเป็นเสียงลม แล้วก็เสียงที่มีความถี่ต่ำกว่า 300Hz ซึ่งเราสามารถตัดเสียงพัดลม อะไรพวกนี้ที่เวลาเราสัมภาษณ์คนแล้วมีเสียง หึ่ง หึ่ง เข้ามาก็จะสามารถตัดลงไปได้ แล้วก็สามารถที่จะปรับความดังของ Headphone ได้ด้วย แต่ว่าเวลาเราใช้ headphone เราต้องใช้ตัว Grip แล้วก็ต่อ headphone ผ่าน grip ในการใช้งานของกล้องกล้วยกล้วยเองในระยะหลัง เราใช้วิธีใช้ไมค์ wireless แล้วก็อัดเสียงเข้าตัวกล้องไปเลย ซึ่งจะทำให้เราทำงานง่าย เพราะว่าเวลาเราใช้ไมค์พวกนี้ เราไม่ได้ต้องการเสียงที่มันวิลิศมาหรามาก ไม่ได้ไปดูแบบโอเปร่า เพราะฉะนั้นก็ใช้เสียงจากตัวนี้ ทำให้เรางานง่ายแล้วก็ลดความพะรุงพะรัง ลดอุปกรณ์ที่ต้องเตรียมไปทำงานด้วย

กล้อง Fujifilm X-H1มีการปรับเปลี่ยนในเรื่องของระบบโฟกัสไปค่อนข้างเยอะมากเทียบกับ Fujifilm X-T2 ประการแรกก็คือในเรื่องของอัลกอริธึ่มในการโฟกัส แล้วก็ในระบบ AF-C เวลาที่เราถ่ายภาพวัตถุที่ไม่ได้เคลื่อนไหวเร็ว หรือบางทีอยู่นิ่งๆ แล้วเราใช้ AF-C ถ้าเป็นอัลกอริธึ่มตัวเก่า มันจะเกิดการโฟกัสไปหน้าไปหลัง เรียกว่าวัปปิ้ง เด้งไปเด้งมา แต่ว่าพอเป็นกล้อง Fujifilm X-H1 อาการตัวนี้จะลดลงไปอย่างมาก เพราะฉะนั้นเวลาที่เราถ่ายวัตถุเคลื่อนที่อันนี้ไม่มีปัญหา แต่พอมันหยุดนิ่งจะมีความนิ่งมากขึ้น อันนี้เป็นข้อที่หนึ่ง ข้อที่สองก็คือเรื่องการโฟกัสต่อเนื่องในระบบ AF-C มีความรวดเร็วมากขึ้น ฉลาดมากขึ้น ตามติดมากขึ้น เพราะมีการเปลี่ยนอัลกอริธึ่มการคิดในการโฟกัสเหมือนกัน

ตัวเมนูในระบบ AF-C จะถูกแยกตัว Tracking Sensivity กับตัว AF Speed ออกจากกัน แล้วก็ให้เราตั้งได้ ซึ่งตรงนี้เราสามารถตั้งได้เลยว่าจะให้ไวต่อการโฟกัสขนาดไหน อย่างเช่นตัว Tracking Sensivity ถ้าเราตั้งให้เร็ว พอเราแพนแล้วจุดโฟกัสมีการเปลี่ยนแปลงมันจะโฟกัสตามทันที แล้วก็มีเรื่องตัวความเร็ว AF Speed อันนี้คือความเร็วในการหมุนโฟกัส เวลาเราถ่ายภาพยนตร์เราต้องการการหมุนที่นุ่มนวล เราสามารถตั้งตรงนี้ได้ว่าอยากให้นุ่มขนาดไหน อยากให้เร็วขนาดไหน ปรับตั้งตรงนี้ให้เหมาะกับการถ่ายวิดีโอในแต่ละประเภทได้เลย ซึ่งกล้อง Fujifilm X-H1 ผมได้ลองใช้ต้องบอกว่าในทุกรูปแบบแล้วสำหรับเรื่องการโฟกัส เราถ่ายงานโดยใช้ระบบออโต้โฟกัส แล้วก็ใช้ตัวระบบ AF ของกล้องเป็นตัวทำงาน ตั้งค่าให้เหมาะกับวัตถุ แล้วกล้องมันจะทำงานให้เราแบบเนียนๆ อันนี้ทำให้เราทำงานง่ายแล้วก็ใช้คนน้อยลงเยอะเลย สำหรับเวลาเราทำงานด้วยกล้อง Fujifilm X-H1

ในตัวกล้อง Fujifilm X-H1 จะมีระบบ AF-C ที่เป็น face detection มันสามารถที่จะจับหน้าคนแล้วก็ตามติดได้ดีขึ้น เวลาที่เราถ่ายวิดีโอเป็นถ่ายภาพคน มันจะสามารถจับหน่้า แล้วเวลาที่คนเคลื่อน ถ้าแบบไม่ได้เคลื่อนเร็วจนเกินไป มันจะสามารถติดตามใบหน้าได้ดี เพราะฉะนั้นเวลาที่เราถ่ายวิดีโอแบบคนเดิน มันจะสามารถที่จะโฟกัสตามได้ตลอด ซึ่งก็จะทำให้งานเราสะดวกมากขึ้น แล้วก็การใช้ Face Detection ก็จะมีความแม่นยำมากขึ้นในการจับใบหน้าคน ถ้าเราใช้ระบบ wide area บางทีมันอาจจะไม่รู้ว่าเราถ่ายคน มันอาจจะไปวิวก็ได้ ซึ่ง face detection  จะทำให้เราทำงานได้ง่ายกว่า

สิ่งที่พัฒนาขึ้นไปอีกอย่างนึงของกล้อง Fujifilm X-H1 ก็คือในเรื่องของคุณภาพที่ความไวแสงน้อยๆ noise ของตัว Fujifilm X-H1 ดีขึ้นเมื่อเทียบกับ Fujifilm X-T2 ส่วนนึงจะมากจากเรื่องระบบระบายความร้อนที่ดีขึ้น ตัวกล้องตัวใหญ่ขึ้น ก็จะระบายความร้อนได้ดีขึ้น ที่ ISO 200-1600 เราใช้ถ่ายวิดีโอได้สบายๆ ไม่มี noise มากวน

ส่วนที่ ISO สูงกว่านั้นอย่างเช่น ISO 6400, 12800 มี noise ที่น้อยลงจาก Fujifilm X-T2 แต่อย่างไรก็ตามมันยังเป็นกล้องที่มีวงจรเดียวในการลด noise เพราะฉะนั้น noise จะดีขึ้นจาก Fujifilm X-T2 แต่ว่ายังไม่ถึงขนาดแบบไม่มี noise เลย ยังไม่ใช่ขนาดนั้น ซึ่งถ้าอยากได้ขนาดนั้นก็คงต้องรอในรุ่นต่อๆไป ก็คงจะมีการพัฒนามากขึ้น ผมลองเอากล้อง Fujifilm X-H1 ไปถ่ายวิดีโอในสถานการณ์ต่างๆ สภาพแสงต่างๆหลากหลายมาก ในที่แสงน้อยๆคุณภาพโอเคเลย ความคมชัดดีแล้วก็เราสามารถที่จะปรับระดับ noise reduction และระดับ Sharpness ได้ที่ฟังก์ชั่นที่ตัวกล้อง เราลองเอา Fujifilm X-H1 ถ่ายภาพกลางคืนด้วยแสงจันทร์ต้องบอกว่าเกือบจะถ่ายดาวเลย โดยใช้โหมด F-Log แล้วก็เปิดช่องรับแสง F1.4 เปิดชัตเตอร์ต่ำก็ได้ภาพแล้วก็มี noise มากวนบ้างนิดหน่อยเป็นเรื่องธรรมดาของภาพตอนกลางคืน ส่วนที่ ISO ต่ำๆ คุณภาพหายห่วง สบายมาก

มาดูฟังก์ชั่นที่เป็นประโยชน์ต่อการใช้งานกันบ้าง ว่ามีอะไรเพิ่มเติมกันบ้างสำหรับตัว Fujifilm X-H1 อย่างแรกคือตัว Peripheral Light collection ตัวนี้จะเป็นฟังก์ชั่นที่ใช้แก้ vignette ของเลนส์มูฟวี่เพื่อให้ภาพสว่างสม่ำเสมอกัน แต่ถ้าใครเกิดชอบฟีลลิ่งแบบขอบภาพมืดๆอะไรอย่างนี้ ก็ off ไปก็ได้ ซึ่งปกติผมก็ off อยู่

แล้วก็ต่อมาคือ Pre AF (Movie) ก็คือกล้องมันจะโฟกัสล่วงหน้าไว้ให้ พอถึงเวลาเราแตะโฟกัสปุ๊บ มันก็จะโฟกัสได้เร็วแล้วก็เข้าทันที แต่ว่าระบบนี้จะเปลืองแบตเตอรี่นิดนึง ถ้าใครแบตเตอรี่ไม่เยอะก็ปิดเอาไว้ก็ได้

สำหรับคนที่ใช้ระบบโฟกัสแบบ manual ก็จะมีตัว MF Assist แบบเดียวกับเวลาที่เราถ่ายภาพนิ่ง สามารถขยายโฟกัสดูได้

หรือว่าใช้ระบบ Peak Focus ก็ได้ ซึ่งก็จะมีให้เลือกเป็นแบบสีขาว สีแดง สีอะไรอื่นๆ ก็แล้วแต่สะดวกเลย มีสีเหลือง สีน้ำเงิน สีแดง สีขาว ในระหว่างที่เราถ่ายวิดีโอ ถ้าเราอยู่โหมด manual focus ระหว่างที่เราถ่าย เราสามารถที่จะขยายภาพได้ โดยเปิดปุ่ม dial ด้านหลังพอเรากดไป ภาพมันจะขยาย เราก็โฟกัสตามได้สำหรับการโฟกัสตามวัตถุที่ไม่เยอะมากเกินไปนัก แล้วก็จะมีความแม่นยำสูงเพราะว่าเราขยายภาพร้อยเปอร์เซ็นต์ แล้วก็เป็นฟังก์ชั่นที่มีประโยชน์มากเวลาที่เราถ่ายรูปแล้วคนมีการเคลื่อนที่นิดๆหน่อยๆ อย่างนั่งแล้วมีการโยกไปโยกมาประเภทนี้ ก็อยู่ manual focus แล้วก็ขยายโฟกัสตามได้เลย

ฟังก์ชั่น HDMI Output Info Display เป็นฟังก์ชั่นที่เราสามารถที่จะให้ information ของกล้องโผล่ออกไปทาง HDMI แล้วก็เวลาที่เราต้องการบันทึกหน้าจอ บันทึกการทำงานของกล้องก็เปิดตัวนี้ On แล้วก็จะสามารถบันทึกผ่าน external recorder ได้  

กล้อง Fujifilm X-H1 จะมีการ์ดเก็บข้อมูล 2 Slot ซึ่งเป็น USHII ทั้งคู่ เราสามารถที่จะเลือกเก็บได้ว่า เราจะเก็บภาพนิ่งไว้ที่ slot 1 เก็บวิดีโอไว้ที่ slot 2 แล้วก็เวลาที่เรา record วิดีโอจากกล้อง Fujifilm X-H1 เราสามารถที่จะเลือกได้ว่าเราจะ record การ์ดเป็น 4K แล้วก็ให้ HDMI output ออกไปเป็น Full HD หรือว่าจะให้การ์ด record เป็น Full HD แล้วก็ให้ตัว HDMI output ออกไปเป็น 4K ซึ่งตรงนี้ก็จะสะดวก เราสามารถ record ไปทั้งการ์ดแล้วก็ตัว external recorder ได้

เราสามารถที่จะต้องให้ HDMI ปล่อยสัญญาณออกไปเป้ฯ 4K ได้ในระหว่างทีเราไม่ได้ใช้งานกล้อง ไม่ได้ record ลงการ์ด ซึ่งอันนี้เวลาเราทำ Live ซึ่งถ้าเกิดว่าเราต้องการทำ Live ที่คุณภาพ 4K ตรงนี้เราสามารถปล่อยสัญญาณออกไปได้เลย ซึ่งปัจจุบันส่วนใหญ่ Fujifilm X-T2 จะเป็น Full HD จะเป็น 4K ต่อเมื่อเรากด record เท่านั้น ซึ่งเวลาเราทำ live เราไม่ได้กด record เราสามารถที่จะควบคุมการทำงานของตัว external recorder ได้ เวลาที่เราจะ record ภาพยนตร์ก็แค่กด record ที่กล้องมันก็จะไปควบคุมการทำงานของ external recorder ให้ record ทันที เราก็ไม่ต้องไปกดที่ตัว external recorder

กล้อง Fujifilm X-H1 จะมีระบบรองรับการตัดต่อก็คือตัว Timecode เราสามารถที่จะตั้ง Timecode แล้วก็ให้มันซิ้งค์กับมือถือก็ได้ แบบเรามีกล้องห้าตัว เราซิ้งค์เข้ากับมือถือห้าตัวมันก็จะเป็นเวลาเดียวกัน พอเวลาเราถ่ายวิดีโอ เราสามารถที่จะใช้ Timecode แล้วก็เอาไปซิ้งค์กับโปรแกรมตัดต่อ วิดีโอก็จะเรียงให้อัตโนมัติ ซึ่งตัว Timecode เราเลือกได้ว่าจะใช้เวลาปัจจุบันหรือใช้เวลาของที่เราเซตไว้ที่ timecode ในกล้องก็ได้ อีกตัวนึงที่ใช้ประโยชน์ได้มากก็คือตัว Tally Light เราสามารถที่จะเปิดไฟตัวด้านหน้ากับด้านหลังให้เห็นว่ากล้องมีการถ่ายวิดีโออยู่                                           

ในการใช้งาน Fujifilm X-H1 ของกล้องกล้วยกล้วยในสี่เดือนที่ผ่านมา ผมสามารถสรุปได้ว่า Fujifilm X-H1 เป็นกล้องที่เหมาะมากกับใครก็ตามที่ต้องการทำงานวิดีโอ อาจจะมีความรู้หรือไม่มีความรู้ก็ตาม ตัวกล้องเองสามารถทำให้เราทำงานได้ง่าย ไม่ว่าจะระบบกันสั่น ระบบโฟกัส โหมดสี Eterna ที่มีช่วงการรับแสงกว้าง หรือ F-Log ลงการ์ด สามารถทำมห้เราเอาตัวรอดได้ในหลายๆสถานการณ์ ซึ่งอย่างที่บอกทางกล้องกล้วยกล้วยเป็นผู้ผลิต content รายใหม่ เราไม่ใช่ผู้ที่เก่งกาจหรือเชี่ยวชาญงานวิดีโอ แต่เราสามารถทำ content ได้โดยใช้ Fujifilm โดยเฉพาะ Fujifilm X-H1 สามารถทำงานได้เยอะมากในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งตอนท้ายเราจะลิสต์งานวิดีโอที่เราถ่ายด้วย Fujifilm X-H1ให้ดูว่ามี content ไหนบ้างที่ถ่ายด้วย Fujifilm X-H1 เราสามารถไปตามดูกันได้ ซึ่งผมมั่นใจว่ามันจะเป็นกล้องที่เหมาะกับคนที่ทำ content และคนที่ต้องการงานวิดีโอแบบไม่ต้องท่ามาก ไม่ต้องเรื่องมาก เอาแบบจบสวยๆ เก็บเงินเร็วๆ ประเภทนี้ครับ

แสดงความเห็นได้ที่นี่