Review LEE Filter by พี่โก๊ะ กล้องกล้วยกล้วย

Filter LEE ที่ผมใช้งานก็จะเป็น System 100 เพราะว่าผมไม่ได้ใช้งานกับเลนส์ที่เป็น Super wide angle ที่เป็นหน้าเลนส์ปูด แต่ถ้าเป็นหน้าเลนส์ปูดเราจะให้ System 150 ตัว  System 100 ที่ใช้ก็เป็น ND1000 และ ND64 ND เบอร์ 8 แล้วก็เป็น graduated ตัว Soft กับตัว Hard ที่ลดแสงลง 3 Stop เท่านี้ก็ใช้งานได้สบายมาก ใช้ได้ครบหมด ตัว Filter ND1000 และ ND64 จะเป็น Filter แก้ว ส่วนตัวอื่นจะเป็น Optical Resin ซึ่งตัว Optical Resin ของ LEE เนี่ยดีมาก ไม่ลดทอนความคมชัดของภาพเลย

Filter LEE จะประกอบไปด้วยตัว Adapter ซึ่งจะมี 2 ส่วนประกอบไปด้วย Adapter Ring ที่ใส่เข้ากับตัวเลนส์ แล้วตัว Adapter Ring ก็มีหลายไซด์ อย่างไซด์ 82/77/77 ใช้ไซด์ไหนก็ซื้อแยกออกมาได้ แล้วก็มีตัวกรอบ Filter ซึ่งตัวกรอบตัวนี้คุณภาพดีมากเพราะว่าผมใช้มามีตกกระแทก ถ้าใครติดตามผมก็จะรู้ว่าผมใช้งานไม่ทะนุถนอม ก็ยังไม่ค่อยมีรอยอะไร ที่สำคัญมันติดตั้งง่ายมาก มั่นคง และไม่หลุดออกง่ายๆ เป็นสิ่งที่ผมชอบมากๆ และมันเบามากๆด้วย ถ้าเกิดเราจะใช้งาน PL ผมจะใส่ PL ที่ Adapter Ring ก่อน แล้วก็หมุน Adapter Ring ให้ได้มุมตัดแสงสะท้อนที่ต้องการ แล้วค่อยเอากรอบ Filter ใส่เข้าไปอีกที่

ND64 หรือ 6 Stop จะเป็นตัว Optical glass เวลามองภาพผ่านเนี่ยจะรู้สึกว่ามันเป็นสีเทา แต่เวลาถ่ายออกมาเนี่ยมันจะติดอมฟ้านิดนึง ซึ่งสามารถแก้โดย shift white balance พอแก้ออกมาก็ไม่มีปัญหาอะไร ไม่ได้ทำให้สีเพี้ยนจนกระทั้งเราไม่สามารถแก้ได้ ตัวกระจกก็จะมีการติดฟองน้ำสีดำเอาไว้รอบด้านเพื่อกันแสงรอดเข้ามา และตรงขอบ Filter จะมีการโค้ทสีดำเอาไว้เพื่อไม่ให้แสงวิ่งเข้าไปในกระจก เวลาติดตั้ง ND เราจะใส่ตัว ND ไว้ในสุด ซึ่งปกติผมจะถอดกรอบออกมาแล้วก็ใส่ Filter ND เข้าไปก่อน แล้วก็ใส่ติดตั้งให้เรียบร้อย แล้วค่อยเอา Filter มาใช้ใน Adapter Ring อีกที แค่นี้เองไม่ทำให้เลนส์โยกเยก ไม่หลุดร่วง ระหว่างใช้งาน

ND1000 หรือ 10 Stop จะเป็นตัว Optical glass จะมีการติดฟองน้ำ เป็นฟองน้ำเนื้อแข็ง เพื่อกันแสงรั่ว เวลาถ่ายด้วย Filter ตัวนี้ภาพก็จะติดน้ำเงินนิดนึงเหมือนกัน ซึ่งสามารถ Shift White Balance เพื่อแก้สีจบในไฟล์ Jpeg แล้วก็ใน Raw ไฟล์ก็จะแก้ง่ายมาก ไม่ได้มีปัญหาในเรื่องของสีเพี้ยนจนกระทั่งเราแก้ไม่ได้ แต่ว่ามันจะมี vignette ซึ่งทำให้ตรงกลางสว่างกว่าขอบ ซึ่งเราแก้ได้ใน Raw ไฟล์เหมือนกัน ถ้าต้องการจบใน Jpeg ก็แก้ไขในฟังชั่นของตัวกล้องนิดนึงถ้ามีให้ปรับตั้ง

ND เบอร์ .6 จะลดแสงไป 2 Stop ครึ่ง ซึ่งผมจะเอาไว้ถ่ายรูปกลางคืนหรือถ่ายน้ำตกร่วมกับ PL และไม่ต้องการดึง Speed นานมาก คือต้องการให้สายน้ำมีรายละเอียดเป็นเส้นๆอยู่ ตัวนี้จะเป็น Optical Resin ซึ่งสมัยก่อนผมจะเจอปัญหาว่า Filter แผ่นแบบ Optical Resin จะเป็นรอยง่ายมาก แต่ของ LEE ผมใช้งานมาจะครบปีแล้วยังไม่เป็นรอยเลย ซึ่งใช้บ่อยมากด้วย ถือมาทนทานมากทีเดียว ขนาดตกไปบนพื้นก็ยังไม่เกิดร่องรอยอะไร และก็ใช้งานได้ไม่มีปัญหา

ND .9 อันนี้จะลดแสงไป 3 Stop ซึ่งใช้ถ่ายน้ำตก ถ่ายภาพกลางคืนที่แบบแสงช่วงโพล้เพล้แล้วอยากลากไฟ แล้ว Shutter มันยังนานไม่พอ ผมก็จะใช้ตัว .9 ดึง Speed ให้มันต่ำลง แล้วเวลาถ่ายร่วมกับ Filter PL ถ้าใช้กับ ND 10 Stop หรือ 6 Stop มันจะยาวเกินไป คือต้องการถ่ายให้น้ำตกมีรายละเอียดบ้าง ผมจะใช้ตัว ND.9 ในการถ่าย ตัว .9 จะเป็น Optical Resin เท่าที่ใช้มาเนี่ยไม่เคยเจอปัญหาเรื่องตกแล้วเป็นรอย ผมเชื่อใจในความทนทานของ Optical Resin ของ LEE เพราะตั้งแต่ที่ใช้งานมาไม่มีปัญหาเลย

Filter Graduated ที่ใช้จะมี 2 ตัวคือ ตัว soft 0.9 ลดแสงไป 3 Stop และตัว Hard 0.6 ลดแสงไป 2 Stop ซึ่งเราจะใช้ในการถ่ายพระอาทิตย์ขึ้นและตก หรือต้องการลดแสงของท้องฟ้า ก็จะใช่้ตัว Hard ตรงที่แบบเส้นขอบฟ้ามันตัดค่อนข้างเป็นเส้นตรง หรืิอว่ามีขอบหยักๆ ส่วนตัว Soft จะเอาไว้ไล่ระดับมากๆ อย่างมีแนวเขา หรือมีต้นไม้ เราจะใช้ตัว Soft เพราะว่ามันจะไล่โทนเนียน